17 กุมภาพันธ์ 2554

พาราณสี...ก็มี Pizza อร่อย

พิซซ่าเป็นอาหารจานด่วนที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ที่พาราณสีก็มีพิซซ่าให้เลือกทานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Pizza Hut , Domino 's Pizza , Pizza corner สามารถโทรสั่งได้


ร้าน Pizza Hut อยู่ที่ห้าง JHV Mall อยู่แถว โรงแรม Ramada  ห้างนี้จะอยู่ห่างจาก BHU ประมาณ 14 กิโลเมตร Pizza Hut ที่พาราณสี เมนูก็จะคล้ายๆกับที่บ้านเรา แต่จะไม่มีพวกอาหารทะเล

ร้าน Domino 's Pizza และ Pizza corner อยู่ที่ห้าง IP Mall  เป็นพิซซ่ารสชาดแบบแขกๆ


ส่วนพิซซ่าที่ขายตามร้านอาหารที่อร่อยก็น่าจะเป็นพิซซ่าที่ร้าน Phulwari restaurant  ร้านนี้ไปตามคำแนะนำของน้องที่มาเรียนอยู่ที่นี่นานแล้ว น้องเค้าบอกว่าพิซซ่าอร่อยจริงๆ ชาวต่างชาติไปทานกันเยอะมากๆ
Phulwari restaurant จาก BHU ไปทางโกโดเลีย ตรงไปตามถนนอยู่เลยแยกทางเข้า ท่าอัศวเมศไปประมาณ 50 เมตร จะเห็นเป็นซุ้มประตูโบราณอยู่ทางด้านขวามือของถนน



Phulwari เป็นร้านอาหารประเภท vegetarian ร้านนี้จะติดกับวัด บรรยากาศภายในร้านก็ร่มรื่น เงียบสงบ ซึ่งแตกต่างจากบริเวณถนนด้านนอกที่มีรถแออัดโดยสิ้นเชิง




เมนูทางร้านก็มีหลายอย่าง พิซซ่าก็มีหลายหน้าแล้วแต่เลือก แต่ที่อยากจะแนะนำก็คือ Phulwari พิซซ่า แป้งนุ่ม ชีสเยอะ ราคาก็ไม่แพง อร่อยด้วย 







16 กุมภาพันธ์ 2554

ดูหนังที่อินเดีย

วันวาเลนไทน์ปีนี้ได้มีโอกาสไปดูหนังกะเค้าซะที หลังจากเลิกเรียน
ประมาณ 6 โมงเย็น ก็ตรงไปที่ ห้างIP Mall  Sigra Varanasi ห้างนี้อยู่ห่างจาก BHU ประมาณ 8 กิโลเมตรน่าจะได้ แต่ที่ชอบไปห้างนี้เพราะได้ไปหาอะไรทานที่ McDonald's ด้วย
ก่อนอื่นก็ไปดูรอบหนังและซื้อตั๋วหนังกันก่อน ที่ซื้อตั๋วหนังของห้างนี้จะอยู่ข้างหน้า ด้านนอกของห้างจะเขียนว่า BOX OFFICE ก็เข้าไปซื้อได้เลย ถ้ายังไม่รู้จะดูเรื่องอะไรเค้าก็จะมีโปรแกรมเล็กๆแจกให้
หลังจากดูโปรแกรมแล้วเรื่องที่อยากดูก็่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก เพราะจะดูให้เข้ากับเทศกาล...ประมาณนั้นเวลาฉายก็ 2 ทุ่มพอดีไม่ดึกมากเกินไป ตอนซื้อตั๋วก็บอกคนขายว่าจะดูเรื่อง Angel (เป็นหนังอินเดีย)



คนขายที่เหมือนภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะแข็งแรงซักเท่าไหร่ ก็ทำท่าเหมือนงง เราก็เลยงงปนเสียดายว่าที่นั่งคงจะเต็มหมดแล้ว หลังจากคนขายกดโทรศัพท์ถามใครบางคนก็สรุปว่ามีตั๋ว ราคาตั๋ว(เลือกที่นั่งหลังสุด) รวมภาษีแล้วราคา 150 รูปี พอซื้อตั๋วเสร็จก็จะไปรอที่ไหนไม่ได้นอกจากไปรอในร้าน McDonald's ดีกว่า ก่อนเข้าห้างที่อินเดียทุกครั้งจะต้องมีการตรวจกระเป๋าก่อนโดยหน้าประตูจะมียามผู้ชายคนนึงผู้หญิงคนนึงคอยยืนตรวจกระเป๋า และคอยถามว่าสูบบุหรี่รึเปล่าเพราะเค้าห้ามนำบุหรี่เข้าไปสูบในห้างด้วย

บรรยากาศในร้าน Mc ก็เหมือนบ้านเรา อาหารในร้านก็จะมีทั้งแบบ veg และ non-veg เพราะบางคนไม่ทานเนื้อสัตว์ ราคาอาหารก็พอๆกับบ้านเราแต่ตัวเลขอาจจะดูแพงกว่าเพราะคิดเป็นเงินรูปี
เช่น เซ็ต นักเกต 9 ชิ้น มีมันฝรั่งทอด กับโค๊กขนาดกลาง ก็ราคา 159 รูปี ยังไม่รวมภาษี

ได้เวลาแล้วก็ไปดูหนังกันเลย ก่อนเข้าไปบริเวณที่ดูหนังก็ยังมีพนักงานตรวจอีก ตรวจแม้แต่กระเป๋าเงิน โห! งงเหมือนกัน



พอเข้าไปด้านในบรรยากาศในโรงหนังเหมือนบ้านเรานั่นแหละ เก้าอี้นุ่มสบายปรับได้ ได้เวลาหนังฉายแล้ว ไม่มีโฆษณาใดๆทั้งสิ้น มีรูปพระพิคเณศวร์ขึ้นบนจอ แล้วก็เริ่มเรื่องเลย

หนังที่ดูเป็นหนังรักโรแมนติก ภาษาฮินดี ก็ที่นี่อินเดียนี่นา ดูภาพไปจับใจความพอรู้เป็นบางคำ ก็ซึ้งดี ชอบเหมือนกัน และสไตล์หนังแขกก็มีทั้งร้อง ทั้งเต้น ดาราแขกนี่ต้องยอมรับเค้าเลย ว่า เค้าร้อง เค้าเต้นกันเก่งจริงๆ แต่นับคนดูทั้งหมดรวมคนเดินตั๋วด้วย ในโรงมีคนดู 8 คน คนเดินตั๋ว 1 คน จะคุ้มทุนมั้ยเนี่ย แต่ตอนซื้อตั๋วคนเยอะเลยนะ สงสัยแขกจะไปดูหนังบู๊กันหมด เพราะอีกโรงเค้าฉายหนังบู๊ สำหรับโรงหนังอินเดียพอฉายหนังไปได้ครึ่งเรื่อง จะมีการพักประมาณ 10 นาที (งงว่าจะพักทำไมมันขาดช่วง) และในช่วงนั้นก็จะมีคนมาคอยถามว่าเอาพิซซ่ารึเปล่า
พิซซ่าคอร์เนอร์ บริการถึงที่ สั่งได้ 5 นาทีมาส่ง หลังจากนั้นก็ฉายหนังต่อ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาดูหนัง โรงหนังอินเดียจะต่างจากบ้านเราคือจะมีพักครึ่ง
ให้สั่งพิซซ่าได้ด้วย เหมือนกันทุกที่เลย เราอาจจะว่าแปลกแต่แขกเค้าว่าธรรมดาจ้า...

หนังจากบ้านเราก็มีมาฉายที่นี่เหมือนกันเช่น เรื่อง ต้มยำกุ้ง องค์บาก คนไฟบิน เป็นต้น ส่วนใหญ่ที่เป็นที่นิยมน่าจะเป็นหนังบู๊ พากษ์เป็นภาษาฮินดี ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนอินเดียเป็นอย่างมาก คนมารอซื้อตั๋วกันจนแน่น น่าภูมิใจกับหนังไทยด้วยจริงๆ

รูปจาก
http://www.google.com/

09 กุมภาพันธ์ 2554

เครื่องดนตรีอินเดีย...Veena


Veena เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดชนิดหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย ทำจากไม้ และตกแต่งด้วยทองเหลืองหรือโลหะ
มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร เป็นรูปทรงกลมคอกว้างมีขนาดใหญ่ ด้านปลายจะแกะสลักเป็นรูปหัวมังกร
สายที่ใช้ดีดทำจากโลหะมีระดับเสียง 8 ระดับ ผู้บรรเลงอาจนั่งไขว่ห้าง หรืออาจนั่งบรรเลงกับพื้นก็ได้

Veenaเป็นสัญลักษณ์ของ Saraswati เทพเจ้าที่ชาวฮินดูเคารพและศรัทธาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้
Veena มีแหล่งกำเนิดจากทางตอนใต้ของอินเดีย เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงได้ทั้งบรรเลงเดี่ยว และใช้บรรเลงประกอบการแสดงนาฏศิลป์อินเดียอีกด้วย
ราคาของVeena ก็อยู่ที่ประมาณหมื่นกว่ารูปีขึ้นไป







ข้อมูลจาก
www.google.com
http://chandrakantha.com/articles/indian_music/saraswati_vina.html

29 มกราคม 2554

ชุดส่าหรี(sari)


การแต่งกายของคนอินเดียมีความหลากหลาย ชุดส่าหรีถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงอินเดีย จะเรียกว่าเป็นชุดประจำชาติก็ว่าได้ เมื่ออยู่อินเดียเราจะเห็นได้เลยว่า ผ้าที่มีความยาวประมาณ 6-9หลา และกว้างประมาณ 1เมตรนั้น ผู้หญิงอินเดียใช้สวมใส่กันในชีวิตประจำวันตั้งแต่ไม่ว่าจะเป็นใส่อยู่ที่บ้าน ใส่ทำงาน แม้แต่ใส่ชุดส่าหรีทำนา จริงๆ!เค้าใส่ทำนากันเลย เห็นแล้วก็คิดอยู่ในใจว่าเค้าใส่ทำนาได้ยังไงหนอ ทั้งยาวทั้งลุ่มล่ามแต่คงเป็นเพราะความคุ้นเคย ผู้หญิงอินเดียจึงใส่ชุดส่าหรีทำกิจวัตรประจำวันได้สะดวก ชุดเจ้าสาวของผู้หญิงอินเดียก็ใช้ชุดส่าหรีที่มีลายปักประดับประดาอย่างสวยงาม ผู้หญิงอินเดียใส่ชุดส่าหรีกันทุกฤดูกาล ทั้งหน้าร้อน หน้าหนาว และหน้าฝน ราคาของส่าหรีขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า และการตกแต่งลวดลาย มีตั้งแต่ราคาผืนละไม่ถึงร้อยไปจนถึงราคาผืนละเป็นแสนแล้วแต่กำลังซื้อและโอกาสที่ใช้ของผู้สวมใส่
แต่ชุดส่าหรีเราไม่ได้ใช้แค่ผ้าส่าหรีผืนยาวๆเพียงผืนเดียว ข้างในยังต้องใส่เสื้อรัดรูปเอวลอย และกระโปรงซับในด้วย ซึ่งอาจจะขายแยกกับผ้าส่าหรี เท่าที่เคยเห็นเสื้ออาจมีขายแบบสำเร็จรูปและมีแบบสั่งตัดที่ร้านตัดเสื้อของผู้หญิงเพื่อให้ได้ขนาดพอดีกับรูปร่างของผู้สวมใส่ ส่วนกระโปรงซับในก็เช่นเดียวกัน ทั้งเสื้อและกระโปรงซับในที่ใช้อาจจะใช้ให้สีใกล้เคียงกับส่าหรี หรือแบบที่สีตัดกันเพื่อเวลาสวมใส่จะได้ดูสวยงามยิ่งขึ้นตามความเหมาะสมของผู้สวมใส่

วิธีการใส่ชุดส่าหรี


แต่ก็แปลกตรงที่ว่าผู้หญิงอินเดียใส่สาหรีเห็นพุงนิดหน่อยแต่ดูไม่โป๊เลย



ชุดส่าหรีในรูปแบบชุดแต่งงาน



รูปภาพจาก
www.google.com

ชุดอินเดีย...Salwar Kameez




นอกจากชุดส่าหรี ที่เป็นที่นิยมและคนทั่วโลกรู้จักกันดีว่าเป็นเอกลัษณ์ของการแต่งกายของผู้หญิงชาวอินเดีย ก็ยังมีชุดอินเดียแบบอื่นๆที่ผู้หญิงอินเดียนิยมใส่โดยจะเห็นได้ทั่วไปในแถบภาคเหนือของอินเดียคือชุด Salwar Kameez

ชุด Salwar Kameez ประกอบด้วย



ชุดอินเดียประเภทนี้ก็เป็นที่นิยมกันมาก จะใส่กันทั่วไปโดย และใช้เป็นเครื่องแบบของชุดนักเรียน ทั้งระดับมัธยมศึกษา(จะเป็นเครื่องแบบของทางโรงเรียนเหมือนบ้านเรา) และระดับมหาวิทยาลัยใส่ได้หลากสีตามใจชอบ
มาเรียนที่อินเดียช่วงแรกๆต่างชาติที่มาเรียนใหม่ยังไม่ค่อยกล้าใส่ ใส่แต่เสื้อแบบอินเดียแต่นุ่งกางเกงยีนส์ และด้วยวัฒนธรรมการแต่งกายของอินเดียในเรื่องชุดประจำชาติของคนอินเดียยังคงเป็นเอกลัษณ์ที่คนอินเดียยังใช้กันอยู่ทั่วไป เราเองซึ่งเป็นชาวต่างชาติคนนึงที่มาเรียนที่นี่จึงจำเป็นต้องใส่ชุดอินเดียไปเรียนด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าต้องใส่ทุกวันที่เข้าเรียนถือว่าเป็นมารยาทไปซะแล้ว ชุดอินเดีย ทั้งส่าหรี ทั้งSalwar Kameezมีวางขายอยู่ตามร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป บนห้างก็มี จะซื้อเป็นชุดครบเซทก็อยู่ที่ราคาประมาณ200รูปีไปจนถึงหลักพันกว่ารูปี หรือจะซื้อแยกชิ้นก็มี แต่หลักการซื้อแยกชิ้นก็คือ ต้องให้กางเกงกับผ้าพันคอเป็นสีเดียวกัน

รูปภาพจาก
www.google.com

28 มกราคม 2554

ขำๆในห้องเรียนนาฏศิลป์อินเดีย ตอน...เป้าแตก


คงด้วยความโชคดีซะเหลือเกิน ที่บังเอิญในชั้นนาฏศิลป์อินเดียในรุ่นเดียวกันมีต่างชาติเพียงคนเดียว คือ เราเอง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะเป็นที่ สนใจ ในความแปลกผสมกับความเปิ่นอยู่เป็นประจำ แต่โชคยังดีที่ครูและเพื่อนๆแขกให้ความเป็นกันเองเป็นอย่างดี บรรยากาศเลยดูอบอุ่น(เหมือนกลับไปเข้าเรียนตอนม.1ที่อ่างทองเลย)ครูเป็นผู้ชายสูงวัยแต่ใจดีมากบนใบหน้าของครูจะมีแต่รอยยิ้มเสมอ ครูสอนเป็นภาษาอังกฤษปนฮินดี ดังนั้นเราก็จะพอรู้ภาษาฮินดีนิดหน่อยเพราะต้องฟังคำสั่งให้ออกว่าครูสั่งอะไร นอกจากเวลาที่ครูจะบอกอะไรกับต่างชาติอย่างเราครูก็จะบอกเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนในห้องก็จะมีทั้งพูดอังกฤษได้และไม่ได้แต่สิ่งที่สร้างสัมพันธ์ได้ดีอีกอย่างก็คือ รอยยิ้ม เพื่อนที่คุยภาษาอังกฤษได้ก็มาคุยด้วยชนิดที่ว่าเมาส์แตกเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้เข้าเรียนนาฏศิลป์อินเดียมาได้ระยะหนึ่งก็มีเหตุการณ์ขำๆเกิดขึ้นมากมาย เช่น เรื่องเป้ากางเกงแตกในห้องเรียน วันนั้นก็เข้าเรียนตามปกติ ทำท่ารำต่างๆตามจังหวะที่ครูเคาะให้จนใกล้จะหมดชั่วโมง ครูก็ลุกขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะต่อท่าใหม่ให้ และแล้วครูก็สาธิตท่าให้ดูก่อนหนึ่งครั้งก่อนที่จะให้นักเรียนทำตาม พอครูทำเสร็จ ครูบอก...เริ่มได้ พอสิ้นเสียงครูสั่งก็มีเสียง แคว้ก!!!ดังขึ้น เสียงถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ดังพอที่จะได้ยินกันทั่วห้องแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงอะไร พอสิ้นเสียงนั้นทุกคนก็มองมาตรงจุดเดียว แล้วก็มีเสียงนึงถามว่า Are you o.k.?เราก็เลยยิ้มแล้วตอบเพื่อนไปว่า Yes.มองไปที่ครู ครูก็อมยิ้มเหมือนจะขำแต่คงเกรงใจกลัวต่างชาติจะอายเพื่อน ตอนนั้นนึกในใจว่า...ตูดขาดรึเปล่าเนี่ย แต่โชคดีที่เสื้อสไตล์แขกแบบที่ใส่เรียนจะยาวเกือบคลุมเข่ายังไงๆก็คงไม่โป๊ ก็ยังอุตส่าห์ทำท่าตามครูสั่งจนหมดชั่วโมง เฮ้อ...ทำท่าเดียวเหมือนกันทุกคนทำไมเราเป้าแตกคนเดียวอ่ะ กลับมาดูที่บ้าน อ่อ...โชคดีเป้าไม่แตก แค่ปริ เท่านั้นเอง
ท่าที่ครูสาธิตให้ดูในวันนั้นคือครูให้นั่งยองๆแยกขา มือประสานกัน แขนทั้งสองตึง อยู่ระดับหน้าอก พร้อมกับกระโดดและนับ 1-20 แค่เนี้ยกางเกงขาดซะดังเลย โธ่เอ๋ย กางเกงเจ้ากรรมอุตส่าห์ไปถอยมาจากห้าง ไม่ไว้หน้าเจ้าของบ้างเลย เอาไปให้ลุงช่างเย็บผ้าซ่อมให้ ลุงถามซื้อมาจากไหน สวยดี นี่ยังดีนะเค้าเย็บสองชั้น ไม่งั้นคงจะขำไม่ออกไปอีกนานเลย

รูปจาก
http://www.google.com